ผัก และผลไม้บางชนิด ผัก และผลไม้บางชนิดไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล ส้ม เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี บีท พริกหวานแดง เป็นต้น ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินดี ธาตุแมกนีเซียม และฟอสฟอรัส โดยวิตามินซีจะช่วยชะลอการสูญเสียกระดูก อีกทั้งยังเพิ่มมวลกระดูกและลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะกระดูกหักอีกด้วย 9. ถั่วอัลมอนด์ ถั่วที่นิยมนำมาเป็นส่วนหนึ่งของขนมหวานอย่าง ถั่วอัลมอนด์ ถูกจัดว่าเป็นแหล่งของแมงกานีส วิตามินอี ไบโอติน คอปเปอร์ และไบโอฟลาวิน ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงนั้นเอง 10. ถั่วงอก เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไฟเบอร์ ไทอามีน คอปเปอร์ เหล็ก แมงกานีส ฟอสฟอรัส วิตามินดี ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมได้แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง เบาหวาน และโรคหัวใจอีกด้วย จากที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่า อาหารบางชนิดมีสรรพคุณช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกได้ ดังนั้น หากไม่อยากให้โรคดังกล่าวถามหา ควรหมั่นทานอาหารที่กล่าวตามข้างต้น หรือจะลองหาพวกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับบำรุงไขข้อกระดูกมารับประทานเพื่อลดความเสี่ยง หรือบำรุงให้อาการดีขึ้นแทนนะคะ
วิตามินซี วิตามินซีช่วยร่างกายผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญสำหรับกระดูก ทำให้กระดูกที่หักหายเป็นปกติ ซึ่งคุณสามารถพบวิตามินซีได้ในผลไม้และผักหลายชนิด เช่น ส้ม กีวี เบอร์รี น้ำมะเขือเทศ พริกไทย มันฝรั่ง ผักสีเขียว แต่ทั้งนี้การบ่มหรือนำอาหารเหล่านี้ไปผ่านความร้อนสามารถทำให้วิตามินซีสลายไปได้ ทางที่ดีให้คุณรับประทานแบบสดหรือแช่แข็ง 6. ธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กมีส่วนสำคัญในการทำเซลล์เม็ดเลือดแดงมีคุณภาพเพียงพอที่จะไปเลี้ยงบำรุงบาดแผลต่างๆ ธาตุเหล็กช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพื่อสร้างกระดูกใหม่อีกครั้ง อีกทั้งยังช่วยให้ออกซิเจนเข้าไปในกระดูกเพื่อช่วยในการเยียวยาได้ โดยธาตุเหล็กมีอยู่ในอาหารดังต่อไปนี้ เนื้อแดง ไก่งวง น้ำมันปลา ไข่ ผลไม้แห้ง ผักใบเขียว ขนมปังโฮลเกรน ซีเรียลแบบฟอร์ติไฟด์ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ในช่วงที่คุณกำลังรักษาตัว อาหารที่คุณควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้ 1. แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่กระดูกหักจะไปชะลอกระบวนการเยียวยากระดูก กระดูกจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้ช้าลง นอกจากนี้มันยังทำให้คุณปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสให้คุณลื่นล้มระหว่างเดินไปห้องน้ำหรือบาดเจ็บที่กระดูกเดิมมากขึ้น 2.
แบบธรรมดา 51 - 54 วัน ฟรี สามารถเก็บเงินปลายทางได้ ส่งสินค้าคืนร้านค้าได้โดยตรงภายใน 7 วัน เหตุผลเปลี่ยนใจไม่สามารถใช้ได้ มีการรับประกัน 1 สัปดาห์ สิทธิพิเศษลูกค้าใหม่ลดสูงสุด 50% เฉพาะในแอปเท่านั้น สแกนผ่านโทรศัพท์มือถือ คะแนนร้านค้า 90% จัดส่งตรงเวลา 97% อัตราการตอบแชท 100%
00 – 7. 00 น. หรือ 17. 00 – 18. อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน Resource: HealthToday Magazine, No. 186 October 2016
ประมาณ105-110 ไม่มีโรคประจำตัว ไม่แพ้ยาครับ ขอบคุณครับ แสดงความคิดเห็น
กาแฟ การดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้วต่อวันสามารถชะลอการฟื้นตัวของกระดูกเล็กน้อย รวมถึงยังทำให้คุณปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งหมายความว่าแคลเซียมจะถูกขับออกผ่านทางปัสสาวะมากขึ้น แต่การดื่มกาแฟหรือชาปริมาณปานกลางก็ยังเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ 3.
Sep 21, 2020 at 12:28 PM คือตอนนี้ผ่าตัดใส่ ilizarov ที่แขนอยู่ครับ แล้วก็กระดูกก็ขาดไปอีก 12.
โปรตีน เมื่อกระดูกหัก ร่างกายจำเป็นต้องได้รับโปรตีนเพื่อสร้างกระดูกใหม่ เนื่องจากโครงสร้างของกระดูกประมาณครึ่งหนึ่งมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้มันยังช่วยให้ร่างกายได้รับและใช้ แคลเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อการมีกระดูกที่แข็งแรง อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน อาจมีดังนี้ เนื้อ ปลา นม ชีส คอททาจชีส โยเกิร์ต ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพันธุ์ ถั่วฝัก ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง ซีเรียลฟอร์ติไฟด์ 3. วิตามินดี วิตามินดีมีส่วนช่วยให้เลือดรับ และใช้แคลเซียมรวมถึงสร้างแร่ธาตุในกระดูก ในช่วงพักฟื้นร่างกายหลังกระดูกหัก ควรได้รับวิตามินดีอย่างน้อย 600 IU ต่อวัน และคนที่มีอายุเกิน 70 ปี ควรได้รับสารอาหารชนิดนี้อย่างน้อยวันละ 800 IU อาหารที่เป็นแหล่งวิตามินดี อาจมีดังนี้ ปลากระโทงดาบ แซลมอน น้ำมันตับปลา ปลาซาร์ดีน ตับ นมและโยเกิร์ตแบบฟอร์ติไฟด์ ไข่แดง น้ำส้มแบบฟอร์ติไฟด์ นอกจากการรับวิตามินดีจากอาหารแล้ว ร่างกายยังสามารถรับวิตามินดีเมื่อแสงแดดสัมผัสกับผิว ดังนั้นการใช้เวลาอยู่นอกบ้านวันละ 15 นาทีจึงเป็นความคิดที่ดี 4. โพแทสเซียม การรับประทานแร่ธาตุชนิดนี้อย่างเพียงพอจะช่วยให้คุณไม่เสียแคลเซียมเมื่อปัสสาวะ ซึ่งมีผลไม้สดหลายชนิดที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม กล้วย น้ำส้มคั้น มันฝรั่ง ถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพันธุ์ ปลา เนื้อ นม หากคุณไม่แน่ใจว่า ร่างกายของตนเองมีสารอาหารที่จำเป็นเพียงพอหรือยัง การไป ตรวจสุขภาพ หรือ ตรวจวิตามิน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเพื่อให้คุณได้รู้ว่า ตนเองจะต้องปรับมื้ออาหารที่ตนเองรับประทานทุกวันอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับสภาพร่างกาย 5.